ตระกร้าสินค้า
    รถเข็นของคุณว่างเปล่าในขณะนี้
เข้าสู่ระบบ
เป็นลูกค้าอยู่แล้ว?
กรุณาเข้าสู่ระบบถ้าคุณมีบัญชี

5 สิ่งที่คุณควรรู้หากต้องการเริ่มต้นสร้างธุรกิจน้ำหอมของตัวเอง

 

จุดเริ่มต้นของการทำธุรกิจน้ำหอมบางครั้งอาจเกิดจากความชอบโดยส่วนตัว หรือ มีความฝันที่จะได้ลงมือทำบางสิ่งบางอย่างด้วยตัวเอง แต่ไม่ว่าอย่างไรก็ตามจะต้องคำนึงถึงขั้นตอน และวิธีการเพื่อให้ธุรกิจประสบความสำเร็จด้วยเช่นเดียวกัน ผลการวิจัยคาดการณ์ว่าอัตราการเติบโตต่อปีของตลาดน้ำหอมทั่วโลกจะเพิ่มขึ้นอย่างน้อย 3.9% ภายในปี 2020 ถึง 2025 ดังนั้น ธุรกิจจึงจำเป็นต้องมีกลยุทธ์ทางการตลาดอย่างชัดเจนเพื่อสร้างการเติบโต (อ้างอิงจาก 440 industries แพลตฟอร์มเกี่ยวกับการสร้างสรรค์ธุรกิจ) โดยบทความนี้ iam มีข้อมูลที่น่าสนใจและเป็นประโยชน์ให้มาแบ่งปันกันค่ะ

 

5 สิ่งที่ต้องรู้เมื่อเริ่มต้นสร้างธุรกิจน้ำหอมด้วยตัวเอง

1. เริ่มต้นด้วยการวางแผนธุรกิจให้ครอบคลุม

 

 

การที่จะทำให้ธุรกิจสามารถดำเนินไปได้ด้วยดี ผู้เริ่มต้นทำแบรนด์จะต้องมีการวางแผนโครงร่างอย่างละเอียดสำหรับธุรกิจ โดยจะครอบคลุมปัจจัยที่สำคัญทั้งหมด อย่างการกำหนดต้นทุน ซึ่งจะทำให้รู้ว่าต้องใช้งบประมาณเท่าไหร่ และสามารถตัดสินใจได้ว่าจะใช้ในส่วนใดบ้าง เช่น ชนิดของกลิ่นหอม ปริมาณ การบรรจุขวด ฉลาก และ แพคเกจสินค้า รวมไปถึงค่าใช้จ่ายสำหรับช่องทางในการจำหน่ายสินค้าทั้งรูปแบบหน้าร้าน และ ออนไลน์

 

นอกจากนี้สิ่งสำคัญของการประกอบธุรกิจน้ำหอมจำเป็นต้องคำนึงถึงการดำเนินการต่าง ๆ เช่น 

  • การจดแจ้ง อย. เครื่องสำอาง ก่อนวางจำหน่าย เนื่องจากเป็นผลิตภัณฑ์ที่ใช้สัมผัสร่างกาย เช่นเดียวกับกลุ่มเครื่องสำอาง (ตามพรบ. เครื่องสำอางปี พ.ศ. 2558) สามารถดูข้อมูลวิธีการจดแจ้ง อย. ได้ที่ https://bit.ly/36onuub

 

  • การเสียภาษีให้กับสรรพสามิต สามารถยื่นคำขอจดทะเบียนสรรพสามิต ภายใน 30 วันก่อนวันเริ่มผลิตน้ำหอม ณ สำนักงานสรรพสามิตพื้นที่ ที่สถานที่ผลิตน้ำหอมนั้นตั้งอยู่
  • ภาษีมูลค่าเพิ่ม

 

ผู้ประกอบการมีหน้าที่ยื่นคำขอจดทะเบียนภาษีมูลค่าเพิ่ม ในกรณีที่มีรายได้จากการขายสินค้าเกินกว่า 1.8 ล้านบาทต่อปีจะเสียภาษีมูลค่าเพิ่ม

โดยผู้ที่สนใจสร้างธุรกิจควรมีบันทึก-จัดสรรค่าใช้จ่ายต่าง ๆ ในส่วนของต้นทุนอย่างละเอียดและครอบคลุม เพื่อจะนำมากำหนดราคาสำหรับสินค้าในการจัดจำหน่าย

 

2. ระบุกลุ่มเป้าหมายของแบรนด์
 

 

ผู้ที่เริ่มต้นทำธุรกิจจะต้องทำการศึกษากลุ่มเป้าหมาย โดยจะต้องเจาะจงให้ได้ว่าก่อนว่า ‘ใครจะซื้อผลิตภัณฑ์ของคุณ’ เมื่อรู้ข้อมูลในส่วนนี้แล้วธุรกิจก็จะสามารถสร้างสรรค์ผลิตภัณฑ์ออกมาได้ตรงกับความต้องการของกลุ่มลูกค้า จากนั้นคือขั้นตอนของการตัดสินใจว่ากลุ่มเป้าหมายต้องการน้ำหอมประเภทใด เช่น จากธรรมชาติเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม กลิ่นดอกไม้ ผลไม้ ฯลฯ ซึ่งการได้รู้ข้อมูลเกี่ยวกับลูกค้าจะเป็นส่วนสำคัญที่จะช่วยให้คุณออกแบบผลิตภัณฑ์ และ กระตุ้นยอดขายได้

 

3. ตั้งชื่อที่ติดหู และ พยายามผลักดันสินค้าที่โดดเด่น

 

 

ชื่อของแบรนด์จะมีความสำคัญต่อการทำการตลาด และ ส่งเสริมด้านการจดจำในระยะยาว จึงควรคิดชื่อที่จะบ่งบอกเอกลักษณ์ และ ตัวตนของแบรนด์อย่างชัดเจน ซึ่งอาจจะได้ไอเดียมาจาก ชื่อกลิ่นที่มีความเฉพาะของแบรนด์ เกี่ยวกับเรื่องราวของแบรนด์ ฯลฯ นอกจากนี้ธุรกิจที่เพิ่งเริ่มต้นควรผลักดันสินค้าเพียงชนิดเดียวก่อน เช่น การเลือกทำน้ำหอมเป็นสินค้าชนิดแรก จากนั้นเมื่อธุรกิจมีแนวโน้มเข้าถึงตลาดน้ำหอม และมีฐานลูกค้า สามารถพัฒนาผลิตภัณฑ์ใหม่เพื่อตอบสนองความต้องการของลูกค้า เช่น เทียนหอม โลชั่น ฯลฯ โดยจะเป็นการช่วยประหยัดต้นทุน สามารถวิเคราะห์ผลลัพธ์การทำการตลาดล่วงหน้า เพื่อลดความเสี่ยงในการผลิตสินค้าออกมาจำนวนมากซึ่งอาจไม่ตอบโจทย์กลุ่มลูกค้าได้ดีเท่าที่ควร

 

4. การเลือกบรรจุภัณฑ์ที่เป็นเอกลักษณ์ของแบรนด์

 

 

อีกหนึ่งสิ่งที่ขาดไม่ได้ คือ การสร้างเอกลักษณ์ของแบรนด์ให้แตกต่างผ่านรูปแบบบรรจุภัณฑ์ซึ่งเปรียบเสมือนหน้าตาของแบรนด์ เป็นสิ่งที่จะช่วยให้คนจดจำได้ ดังนั้นควรมีการใส่ใจในการออกแบบขวดผลิตภัณฑ์ ทั้งในเรื่องของสี วัสดุที่ใช้ เพราะเมื่อแบรนด์สามารถสร้างสรรค์บรรจุภัณฑ์ให้มีความโดดเด่น อาจจะทำให้ดึงดูดใจลูกค้าทันทีที่เห็น และสร้างโอกาสในการขายเพิ่มมากขึ้น

 

5. สร้างสรรค์ และ พัฒนาน้ำหอมให้ตอบโจทย์กลุ่มลูกค้า

 

 

หลังจากที่ธุรกิจระบุกลุ่มเป้าหมายได้แล้ว สามารถทำการเริ่มต้นผสมกลิ่น และ ทดลองเพื่อค้นหากลิ่นที่มีโอกาสเป็นที่ชื่นชอบของตลาด เพราะ กลิ่นเป็นการรับรู้ที่ต้องอาศัยประสาทสัมผัส ซึ่งแน่นอนว่าลูกค้าที่จะเลือกซื้อผลิตภัณฑ์จะต้องมีการทดลอง (test) ก่อนการตัดสินใจซื้ออยู่เสมอ เมื่อแบรนด์ได้ลงลึกเกี่ยวกับทิศทางการตลาดที่ชัดเจนแล้ว จะทำให้ไม่เสียเวลา และ ต้นทุนไปกับการทดลองหลาย ๆ อย่าง ทั้งยังสามารถเรียนรู้การสร้างกลิ่นหอมแบบที่เป็นเอกลักษณ์ของตัวเองได้อีกด้วย

 

สรุป

ผู้ที่ต้องการเริ่มต้นทำธุรกิจน้ำหอมจำเป็นต้องใส่ใจกับรายละเอียดต่าง ๆ ตั้งแต่การสำรวจตลาดกลุ่มเป้าหมาย จนกระทั่งรูปลักษณ์ของสินค้าที่ผลิตออกสู่ตลาด เพื่อสร้างสรรค์น้ำหอมที่เป็นเอกลักษณ์และสร้างจุดขายให้กับแบรนด์ ยิ่งหากแบรนด์มีตัวตนที่ชัดเจนมากเท่าไหร่ จะทำให้เป็นที่จดจำมากเท่านั้น นอกจากนี้การสร้างธุรกิจน้ำหอมควรมีการติดตามเทรนด์กลิ่นใหม่ ๆ และปรับให้เข้ากับสิ่งที่กลุ่มลูกค้ากำลังให้ความสนใจ เพื่อเพิ่มโอกาสในการเติบโตมากยิ่งขึ้น

 

สำหรับใครที่สนใจการสร้างกลิ่นหอมด้วยตนเองที่มีเฉพาะหนึ่งเดียวในโลก iam ขอแนะนำ scent marketing workshop คลาสเรียนที่เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการเข้าใจกระบวนการทำน้ำหอม และ สร้างสรรค์น้ำหอมที่เป็นเอกลักษณ์ สัมผัสประสบการณ์ทำน้ำหอมด้วยตัวเองผ่าน workshop eau de perfume, solid perfume, และ reed diffuser ที่สามารถนำไปต่อยอดธุรกิจได้อีกด้วย

 

 


ที่มา: www. 440industries .com, www. taxclinic. mof .go .th

 

​​​​​​​ guru mim apapond (กูรูมิ้ม)

หัวหน้าฝ่ายวิจัยและพัฒนาผลิตภัณฑ์

 

@iamingredient

ติดตามโปรโมชั่นพิเศษและเคล็ดลับดีๆ
iam in และ iam academy

add-friend-line-iamingredient​​​​​​​